เงินดิจิตอลลิบรา

ในช่วงเวลาที่มีความไม่แน่นอนทางการเงินหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินควรใส่ใจกับแผนการของ Facebook ในการออกสกุลเงินดิจิตอลใหม่

วิกฤตการเงินครั้งใหม่กำลังจะมาถึงนอกเหนือจากผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจคาดการณ์ว่าปัญหาทางการเงินอื่น จะมาถึงเร็วกว่าที่เศรษฐกิจโลกจะออกจากความถดถอยในปี 2008 ได้ ขณะนี้การเติบโตที่ยังต่ำ หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินควรระมัดระวังพฤติกรรมของตลาดเงินดิจิตอลในประเทศและตลาดโลกมากขึ้น

ในปี 2019 จีนส่งสัญญาณถึงความพยายามในการสร้างสกุลเงินดิจิตอลของชาติเพื่อต่อสู้กับความพยายามของ Facebook ในการออกสกุลเงินดิจิตอลลิบรา (Libra) ของตนเอง Facebook ประกาศเป้าหมายในการสร้างรายได้ใหม่ในยุคอินเทอร์เน็ตโดยสร้างระบบการเงินทั่วโลกด้วยเงินดิจิตอลตนเอง

แม้ว่าสื่อส่วนใหญ่จะแสดงความกังวลเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติในการเก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการแข่งขันนี้ หน่วยงานกำกับดูแลจะต้องแก้ไขปัญหาด้านกฎระเบียบทางการเงินที่จริงจังและเร่งด่วนเมื่อพิจารณาถึงความไม่มั่นคงทางการเงินทั่วโลกในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งสกุลเงินดิจิตอลต่างๆและวิธีการชำระเงิน

การที่ประเทศจีนมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับสองของโลกรีบเร่งดำเนินการติดตามความพยายามของ Facebook ในการออกสกุลเงินดิจิตอลราวกับว่าลิบราจะเป็นภัยคุกคามกับจีน หากลิบราอาจเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจทางการเงินของจีน หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินควรรับรู้ถึงอันตรายนี้และตอบสนองอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ ลิบราส่งผลกระทบกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ประเด็นที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติมคือหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินควรตรวจสอบกิจกรรมของ Facebook เช่นเดียวกับระบบธนาคารกลางดำเนินการกับลิบรา หากต้องการทราบข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการที่สกุลเงินดิจิตอลสามารถเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ให้เปรียบเทียบแผนงานของลิบรากับการเติบโตของบิทคอยน์ (Bitcoin) ในฐานะที่เป็นสกุลเงินดิจิตอลที่สำคัญในทศวรรษที่ผ่านมาเพราะลิบราอาจมีอำนาจมากเกินไปและคาดการไม่ได้ทางเศรษฐกิจในอนาคต

เมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของบิทคอยน์ ลิบราอาจกลายเป็นสิ่งที่ใหญ่เกินกว่าจะล้มเหลว ปัจจุบันมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดของบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ 190,000 ล้านดอลลาร์และมูลค่าของสกุลเงินดิจิตอลที่มีการซื้อขายมากที่สุด 30 สกุลนั้นสูงกว่าหนึ่งในสามของมูลค่าตลาดของ Facebook นอกจากนี้ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ของชาวอเมริกันลงทุนในบิทคอยน์ หากบิทคอยน์ล้มเหลวหรือถูกควบคุมอย่างกะทันหันในลักษณะที่จำกัดการทำงานของมันก็จะส่งผลกระทบอย่างมากในระบบการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย

Facebook มีผู้ใช้งานมากกว่า 2 พันล้านคนต่อเดือนในขณะที่บิทคอยน์มีผู้ใช้งานอยู่ทั้งหมด 7 ล้านคน หากมีผู้ใช้งานรายเดือนของ Facebook เพียง 1 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่ลงทุนในเงินดิจิตอลลิบราก็จะเกินจำนวนนักลงทุนในบิทคอยน์ไปแล้ว สำหรับเหตุการณ์แลกเปลี่ยนบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในอดีตซึ่งประสบกับภาวะล้มละลายในปี 2014 ความล้มเหลวในสมมุติฐานเดียวกันของลิบราที่มีขนาดใหญ่กว่าอาจทำให้เศรษฐกิจโลกสั่นคลอนได้

เมื่อพิจารณาถึงผลลัพธ์ของบิทคอยน์แล้ว ลิบรามีศักยภาพที่แท้จริงในการพลิกโฉมระบบการเงินในรูปแบบที่คาดเดาไม่ได้ การเกิดขึ้นของบิทคอยน์ได้ขัดขวางความสามารถของธนาคารกลางในการควบคุมระบบการเงินโดยใช้ระบบเทคโนโลยีใหม่ที่กฎระเบียบแทบจะไม่สามารถเข้าถึงได้นั่นคือบล็อคเชน (Blockchain) นอกจากนี้ธุรกิจอุตสาหกรรมและบริการเริ่มยอมรับสกุลเงินดิจิตอล (Cryptocurrencies) ในการชำระเงินเป็นอุปสรรคต่อความสามารถของธนาคารกลางในการควบคุมสกุลเงินในประเทศของตน

ในทางกลับกันผู้สนับสนุนเงินดิจิตอลอ้างว่าบิทคอยน์อาจเป็นทางออกในช่วงวิกฤตการเงินได้เนื่องจากระบบของบิทคอยน์ไม่ถูกผูกมัดโดยระบบเศรษฐกิจของประเทศใด ๆ บิทคอยน์อาจทำหน้าที่เป็นที่หลบภัยสำหรับนักลงทุนในสภาพแวดล้อมของตลาดที่ไม่เสถียร ในขณะเดียวกันผู้พัฒนาลิบราก็โฆษณาว่าภารกิจของโครงการนี้คือการส่งเสริมการเพิ่มขีดความสามารถทางเศรษฐกิจและการเงินซึ่งสุดท้ายแล้วจะนำไปสู่ความมั่นคงทางการเพิ่มสวัสดิการผู้บริโภคและการเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศ

เครดิตภาพ The Standard, Beartai, Post Today

ลิงก์เพิ่มเติมน่าสนใจ :

Libra คืออะไร! จะเปลี่ยนโลกยังไง? ใครได้ประโยชน์? (สรุปเข้าใจง่าย 5 นาทีนิดๆ) | เฟื่องลดา LDA